วงจรอุบาทว์ ที่เมื่อตกหลุมลงไปแล้ว จะต้องใช้พลังกายพลังใจอย่างมาก ในการออกมาจากวงจรนั้น
“จน เครียด กินเหล้า” โฆษณาที่ทุกคนต้องเคยดู ถ้าคุณเกิดในช่วงยุค 90 หรือก่อนหน้านั้น
.
เชื่อว่าแทบจะไม่มีใครที่จะไม่รู้จักโฆษณานี้ ซึ่งถ้าดูจากวงจรและความหมายของมันแล้ว ก็มีแต่จะทำให้อะไรต่อมิอะไร มันแย่ลงไปเรื่อย ๆ
เป็นวงจรอุบาทว์ ที่เมื่อตกหลุมลงไปแล้ว จะต้องใช้พลังกายพลังใจอย่างมาก ในการออกมาจากวงจรนั้น
.
ทีนี้มาเข้าเรื่องของเรา Vicious Cycle สำหรับเจ้าของร้านอาหาร น่าตาเป็นยังไง?
.
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ เช่น
.
ไม่ลงทุนโปรโมทร้าน หรือทำร้านให้ดี >> คนไม่ค่อยรู้จักร้านอาหาร >> ยอดขายก็เลยน้อย ไม่ถึงเป้า >> เมื่อยอดขายน้อย กำไรก็น้อย >> ไม่มีเงินหมุนเวียนในการรันธุรกิจ >> ลดค่าใช้จ่าย โดยการลดคุณภาพวัตถุดิบ ตัดชิพพนักงาน >> คุณภาพอาหารต่ำลง บริการก็แย่ลงด้วย >> แล้วก็จะวนกลับไปที่เดิมคือ ยอดขายน้อย กำไรน้อย >> ไม่มีงบในการปรับปรุงพัฒนา และโปรโมทร้าน
.
กลายเป็นวงจรอุบาว์ที่วนไปวนมาไม่รู้จบ ไม่เห็นหนทางที่มันจะดีขึ้นได้เลย
.
เพราะสิ่งแรก ๆ เลยที่เจ้าของร้านส่วนใหญ่ทำ เมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับยอดขายก็คือ ลดสเปก ลดคุณภาพ
.
ซึ่งคุณอาจจะลืมไปว่า การทำแบบนั้น หมายถึงคุณก็กำลังลดจำนวนลูกค้าลงไปด้วย ยิ่งถ้าเป็นลูกค้าประจำ เค้าก็จะต้องรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลง รู้สึกผิดหวัง แล้วไม่กลับมาอีก แล้วก็จะลงเอยเหมือนตัวอย่างด้านบนนี้เอง
.
คำถามคือ แล้วเราจะออกจากวงจรนี้อย่างไร?
.
ถ้าอย่างเป็นในโฆษณาก็คือ “เลิกเหล้า เลิกจน เลิกเครียด”
.
สำหรับการรันธุรกิจร้านอาหาร มันอาจจะไม่ง่ายขนาดนั้น แต่สิ่งที่มีเหมือนกันคือจะต้องเริ่มเปลี่ยนจากตัวเรา
.
และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจะต้องลองเปลี่ยน Mindset เลิกทำอะไรเดิม ๆ และหวังผลอะไรใหม่ ๆ
.
จากที่ไม่เคยทำอะไรเพื่อโปรโมทร้านเลย ก็อาจจะลองมาทำดู
.
หรือเคยใช้วิธีโปรโมทร้านแบบเก่า ๆ ก็ลองหันมาใช้วิธีแบบใหม่ ๆ ดูบ้าง เพราะอีกอย่างที่สำคัญก็คือ บางคนบอกว่าเคยทำแล้ว แต่ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้น แต่การที่เคยทำแล้ว ก็ต้องมาดูกันอีกทีอีกว่า ทำแบบไหน ทำถูกมั้ย ทำนานเท่าไหร่ ทำอะไรไปบ้าง?
.
เทคโนโลยีสมัยนี้ปรับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว พฤติกรรมของลูกค้าก็เช่นกัน สิ่งที่เราต้องทำก็คือต้องเปิดใจยอมรับ และเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อวันนึงเวลาที่ลูกค้าเปลี่ยน เราจะได้เปลี่ยนตามลูกค้าให้ทันนั่นเอง