Software ต่าง ๆ ที่ช่วยให้ชีวิตเจ้าของร้านในออสเตรเลีย สะดวกสบายขึ้น

🇦🇺[ฉบับร้านอาหารในออสเตรเลีย]🇦🇺

กลับกัน ถ้าเจ้าของร้านที่ใช้ Software เป็น ชีวิตก็จะง่ายขึ้น 10 เท่ามีเวลาเหลือ ๆ ไปทำอย่างอื่น แถมยังช่วยให้ยอดขายเพิ่มมากขึ้นไปอีกด้วย

โปรแกรม หรือ Software ต่าง ๆ ที่ผมจะพูดต่อไปนี้มีให้ใช้ในออสเตรเลียทั้งหมด บางตัวนั้นผมเคยใช้เอง บางตัวผมเคยอ่านและไปเรียนรู้มา และบางตัวก็ได้ไปสัมผัสมาจากร้านลูกค้า หรือลูกค้าเป็นคนเล่าให้ฟัง

ถ้ามีข้อผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยล่วงหน้ามา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

เพื่อไม่เห็นเป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มกันเลย

1. ระบบจองโต๊ะสำหรับร้านอาหาร

เจ้าของร้านสมัยก่อน - ให้ลูกค้าโทรจอง และจดลงในสมุดบันทึก

พอลูกค้ามา เราก็มานั่งเปิดหาว่าชื่ออะไร จองไว้กี่โมง หรือถ้าถึงเวลาแล้วลูกค้ายังไม่มา ก็ต้องเปิดหาแล้วโทรไปตาม

เจ้าของร้านรุ่นใหม่ - ใช้ระบบ Online Bookings

ไม่ว่าจะเป็น Now Book It, The Fork, Opentable ฯลฯ ในที่นี้ผมจะขอยกตัวอย่างเฉพาะ Now Book It ก็แล้วกัน เพราะว่าเป็นตัวที่ผมใช้เองและชอบมากที่สุด

เหตุผลหลัก ๆ ที่ผมชอบเลยก็เพราะว่า มันแทบจะเป็นระบบ Automation มันสะดวกมากสำหรับลูกค้า และก็เจ้าของร้าน ให้นึกคร่าว ๆ เหมือนเราบุ๊ค GP ออนไลน์ เราเข้าเว็บไซท์ ไปกดเลือกวันเวลาได้เอง พอเลือกเสร็จ ก็จะมี Email ส่งมา Confirm พร้อมบอก Details อีกที

พอก่อนถึงวันที่ลูกค้าจอง ก็จะมี SMS ส่งไปเตือนลูกค้า แล้วถามว่ายังมาอยู่มั้ย ลูกค้าก็สามารถ Confirm หรือ Cancle ผ่านระบบได้เลย แล้วทุกอย่างก็จะอัพเดทเองไปยังตัวระบบ

เราก็แค่นั่งดูเก๋ ๆ ผ่าน Ipad ของเรา โดยที่ไม่ต้องคุยกับลูกค้าเลยซักคำ จริง ๆ มี function อื่นอีกเยอะมาก ไว้จะมาเขียนเต็ม ๆ ในบทความ Now Book It ไปเลยก็แล้วกัน

2. ระบบขาย Gift Voucher

เจ้าของร้านสมัยก่อน - ต้องให้ลูกค้ามาซื้อที่ร้าน

เป็น Gift Card ที่ต้องเขียนชื่อ จำนวนเงิน ใครเป็นคนให้ ใครเป็นคนรับ วันหมดอายุ

เจ้าของร้านรุ่นใหม่ - ขายออนไลน์ ซื้อที่ไหนก็ได้ 24 ชั่วโมง

Software ที่ผมแนะนำก็จะมี GiftUp! กับ Now Book It (ตัวเดียวกับด้านบนนั่นแหล่ะ และยังขาย Gift Voucher ได้ด้วย)

3. ระบบสั่งอาหาร

เจ้าของร้านสมัยก่อน - ลูกค้าสั่งอาหารผ่านโทรศัพท์

ลูกค้าโทรสั่ง เจ้าของ/พนักงาน คอยจด จดผิดบ้างถูกบ้าง ฟังผิดบ้างถูกบ้าง เกิดข้อผิดพลาดต่าง ๆ นา ๆ

เจ้าของร้านรุ่นใหม่ - มีระบบสั่งอาหารออนไลน์

สั่งล่วงหน้าแล้วค่อยมารับก็ได้ จ่ายเงินออนไลน์ครบจบในที่เดียว แถมยังมีโอกาส Upsell ได้อีก ผ่านเทคนิคการ Add-On ต่าง ๆ บนตัวออนไลน์เมนู

ความผิดพลาดก็น้อย และยังไม่ต้องเสียพนักงานไปอีกหนึ่งคนเพื่อไปรับโทรศัพท์และจดออเด้อร์ ตัว Software ที่มีให้เลือกใช้ในออสเตรเลียก็เช่น Mr.Yum, Gloriafood, Square, MobiPOS, OrderUp! ฯลฯ


4. ระบบการจัดตารางทำงานพนักงาน และบริหารทรัพยากรบุคคล

เจ้าของร้านสมัยก่อน - จดในกระดาษ ส่งในกรุ๊ปไลน์ หรือโทรตามจิก 555+

ไม่ก็ทำใน Excel แล้วก้ screenshot ส่งไปในกรุ๊ปแชทที่มีพนักงานรวม ๆ กันอยู่ในกรุ๊ป เพื่อแจ้งว่าใคร ทำงานวันไหน อะไร ยังไง

เจ้าของร้านรุ่นใหม่ - ใช้ระบบจัดการ timesheet/roster ออนไลน์

ในที่นี้จะขอกล่าวถึงซอฟต์แวร์ที่ชื่อว่า Deputy เนื่องจากเป็นระบบที่ผมก็ใช้เองอยู่เหมือนกัน ข้อดีของการใช้ระบบนี้ก็คือเราจะเห็นภาพรวมทั้งหมดว่าวันไหนสต๊าฟเกิน วันไหนสต๊าฟขาด ผ่านทาง Dashboard ของเรา แล้วก็สามารถ Drag & Drop เลื่อนไปมา สลับชิปได้ง่าย ๆ ระหว่างสต๊าฟ

นอกจากนี้เรายังสามารถแพลนล่วงหน้าได้อีกด้วย จาก Data และ Sales Trends ที่เรามี ว่าจะต้องใช้พนักงานกี่คนในแต่ละวัน หรือถ้าอยากให้ระบบลองจัดให้ ก็แค่กด click เดียว ระบบก็จะใช้ AI จัด Roster ให้เสร็จ พร้อมแจ้งเตือนพนักงานในทันที

การสื่อสารกับพนักงานก็เป็นเรื่อง่าย หากเรามีประกาศอะไรอยากจะแจ้งพนักงานเป็นคน ๆ หรือจะแจ้งทุกคนก็ได้ ผ่านทาง News Feed ของตัวแอพเอง ตัวระบบก็จะมีบอกด้วยว่าพนักงานคนไหนอ่านแล้ว เพื่อที่จะทำให้เรามั่นใจได้ว่า พนักงานทราบในสิ่งที่เราประกาศออกไป

มีอีกหลายฟังก์ชันมาก ๆ ในแอพที่สามารถทำได้ เช่น ระบบ Time Clock บันทึกเวลาการทำงานของพนักงาน, ระบบเตือนเมื่อพนักงานต้องทำงาน Overtime, ระบบจ่าย Payroll, ระบบเก็บข้อมูลและเอกสารต่าง ๆ ของพนักงาน

5.ระบบการทำการตลาด

เจ้าของร้านสมัยก่อน - ส่งไปรษณีย์ตามตู้จดหมาย

เน้นการสุ่มซะเป็นส่วนใหญ่ เพราะเราแทบไม่รู้เลยคนแบบไหนที่อยู่ในบ้านแต่ละหลัง ได้แต่เลือกในบริเวณใกล้เคียงเท่านั้น

เจ้าของร้านรุ่นใหม่ - ใช้ Digital Marketing

การทำ Digital Marketing สมัยนี้ คุ้มค่ากับเงินที่ลงทุนไปมากกว่า เนื่องจากเราสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นความสนใจ เพศ กลุ่มช่วงอายุ ภาษา ตำแหน่งที่ตั้ง พฤติกรรมต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ หรือจาก Customer Data ที่เราเก็บสะสมมาผ่านเครื่องมือต่าง ๆ ลูกค้าเก่า ลูกค้าใหม่ เพื่อนของลูกค้า คนที่น่าจะเป็นลูกค้า ก็ทำได้ นอกจากกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน การทำ Digital Marketing ยังสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้หลากหลาย และมากขึ้นอีกด้วย แถมการวัดผลก็ยังชัดเจนกว่าการทำ Traditional Marketing ที่วัดผลได้ค่อนข้างยาก

และถ้าให้ดี ต้องทำ Full Stack Digital Marketing คือการทำให้ครบและครอบคลุม ไม่ใช่การทำแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วก็ลงเอยด้วยการไม่เห็นผลลัพธ์ ยกตัวอย่างสำหรับร้านอาหารก็เช่นการทำพวก Branding, Paid Social Media Marketing, Marketing/Sale Funnel, SEO, SEM, EDM, UX, UI, Contents ไม่ได้หมายความว่าต้องทำให้ครบทุกตัว แต่ตัวที่จำเป็นสำหรับร้าน ควรจะต้องมี ที่นี้ลองนึกย้อนกลับไปตั้งแต่ข้อแรกดูสิ สิ่งพวกนี้เป็นเครื่องมือที่จะช่วยผ่อนแรงเจ้าของร้านได้มากขนาดไหน หากเรารู้จักหยิบนำมาใช้ให้เป็น

ยังมี software อื่น ๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ Bookkeeping หรือ Accounting ที่จะมาช่วยจัดการให้ชีวิตเจ้าของร้านนั้นง่ายขึ้น

เชื่อว่าคุณต้องเคยเห็นเจ้าของร้านบางคนที่มีสลิปใบเสร็จกองเต็มห้อง เดี๋ยวมาต่อกันในตอนหน้านะครับ ว่าจะมีเครื่องมืออะไรดี ๆ มาช่วยจัดการกับปัญหานี้

เขียนโดย นนทัช


บทความอื่น ๆ


สนใจถ่ายรูปอาหาร โปรดักส์สินค้า หรือทำการตลาด ติดต่อได้ที่

Facebook: www.facebook.com/TheNontouch
Instagram: www.instagram.com/the.nontouch
Email: thenontouch@gmail.com

Sydney, Melbourne, Brisbane, Gold Coast, Sunshine Coast, Adelaide, Canberra

Previous
Previous

แชร์ประสบการณ์อาชีพผู้จัดการร้านอาหารในออสเตรเลีย

Next
Next

ภาพตัวอย่างผลงานบางส่วน จากการถ่ายโปรดักส์ น้ำปลาร้า ริญญา พาแซ่บ