จากพนักงานออฟฟิศที่ไทย สู่เจ้าของร้านอาหารในออสเตรเลีย
1.จุดเริ่มต้นของการมาที่ประเทศออสเตรเลีย
ตอนนั้นเราทั้งคู่เป็นพนักงานออฟฟิศอยู่ที่ภูเก็ตค่ะ และมีโอกาสรู้จักกับโครงการ Working Holidays Visa เห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้เดินทางมาลองใช้ชีวิตที่ต่างประเทศในงบประมาณที่น้อยที่สุด
ประกอบกับความอิ่มตัวของงานออฟฟิศที่ทำมานาน บวกกับความอยากจะแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ เราทั้งคู่ก็เลยไม่ลังเลที่จะเดินทางมาออสเตรเลีย
2.งานแรก ๆ ที่ทำเมื่อมาอยู่ที่นี่
พี่ทำงานร้านอาหาร งานเลี้ยงเด็กก็เคยทำค่ะ เรียกว่าตอนนั้นยึดคอนเซปอาจารย์ชัชชาติ ทำงาน ทำงาน ทำงาน ส่วนทางพี่ต้นก็เริ่มจากงานล้างจาน และคาเฟ่ เอามือจุ่มน้ำจนมือเปื่อย 555 จนได้ไต่เต้าขึ้นมาเป็น Kitchen Hand, Grilled Hand, และเชฟทั้งร้านไทยและคาเฟ่ในที่สุดค่ะ
3.ทำไมถึงได้มาเปิดร้านอาหาร
ชีวิตของเราดำเนินไปด้วยการทำงานเพื่อหาเงินมาเรียนปริญญาโทค่ะ ทำงานส่งเสียตัวเองจนจบ Master of Accountant จากมหาวิทยาลัย Central Queensland University โดยที่เราไม่เคยรบกวนเงินทางบ้านเลย
ระหว่างที่เรียนพี่ต้นทำงานร้านไทยและคาเฟ่ พี่ทำงานคาเฟ่และงานร้านพิซซ่าตอนเย็น และที่สำคัญที่สุดงานขายของในตลาด Farmer Market
จากการเป็นลูกจ้างในตลาด เราทั้งคู่เริ่มมองเห็นโอกาสที่จะมีธุรกิจเล็ก ๆ เป็นของเราเอง เราเลยเริ่มขายของในตลาด ต้องตื่นไปกางเต็นท์เตรียมขายของตั้งแต่ตีสี่ ช่วงนั้นเรามีความสุขกับธุรกิจแรก Bangkok BBQ & Breakfast Shack ธุรกิจเล็ก ๆ ของเรามากค่ะ
เราเติบโตขึ้นในสายงานตลาด และเฟสติวัล เรา Rebranding เป็น Yum Yum Thai และได้เข้าไปขายใน Eat Street Market ที่เป็น Iconic Night Market ของเมืองบริสเบน และเทศกาลดนตรีชื่อดัง Woodford Folk Festival
ขายไปขายมา งานอีเว้นท์และตลาดเชื่อมโยงอยู่กับสภาพอากาศเป็นอย่างมาก วันไหนฝนตกเนี่ยร้องไห้รอเลยค่ะ ที่สำคัญเวลาเราจะออกเมนูอะไร ต้องให้ผู้บริหารตลาดเป็นคนอนุมัติทุกอย่าง ทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่มีอำนาจการตัดสินใจเกี่ยวกับธุรกิจของเราเอง
จึงทำให้เราเริ่มคิดถึงการมีร้านอาหารจริงจัง เพราะว่าพี่ต้นยังมีความสุขกับการทำอาหาร และพี่ก็ยังตื่นเต้นทุกครั้งที่มีลูกค้ามาต่อแถวซื้ออาหารของเรา ทำให้เราเริ่มต้นมองหาโลเคชั่นที่จะเปิดร้านเล็กๆ ในฝัน
4.ทำไมต้อง Gala Thai?
เราอยากได้คำที่ออกเสียงง่าย มีความหมายที่ดีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เราคิดมาหลายชื่อและชอบคำว่า กะลา ที่เป็นภาษาไทยที่มาจาก กะลามะพร้าว เพราะอาหารไทยเราใช้กะทิเป็นหนึ่งในวัตถุดิบหลัก
ตอนแรกเราจะเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า Kala แต่ปรากฎว่ามีคนใช้แล้ว และเพื่อนออสซี่ก็บอกว่าสะกดแบบนี้มันมีความหมายที่ไม่ดีในอีกภาษาหนึ่ง
เลยสรุปได้เป็น Gala ที่พอจะอนุมานให้ออกเสียงเป็นภาษาไทยได้ว่า “กะลา” เป็นภาษาอังกฤษที่ดีมีความหมาย ลูกค้าบางคนบอกว่าความหมายในภาษากรีกก็หมายถึงสิ่งที่ดีเหมือนกัน
5.โลเคชั่นถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญมากสำหรับร้านอาหาร ทำไมถึงเลือกที่จะเป็นย่าน West End เมือง Brisbane
เราเคยอาศัยและทำงานอยู่ใน West End ทั้งคู่ ตอนที่เราไปทำงาน Woodford Folk Festival ก็มีลูกค้าหลาย ๆ คนมาจาก West End ถามเราว่ามีร้านประจำที่ไหนรึป่าว มาเปิดที่ West End สิ ทำให้เป็น Suburb ที่เรามีความผูกพันเป็นการส่วนตัวตั้งแต่สมัยที่การมีร้านเป็นเพียงแค่ความฝัน
จะหาโลเคชั่นที่ถูกใจได้ต้องใช้จังหวะและเวลา เราชอบตรงที่เราอยู่ตอนนี้มากเพราะมี Outdoor Seating และมีที่จอดรถให้ลูกค้า
ลูกค้าชาวออสซี่และยุโรปจะชอบ Outdoor มาก ตอนที่เราตัดสินใจเลือกตรงนี้เราทำใจว่าเป็นโซนของ West End ที่หลุดออกมาค่อนข้างโดดเดี่ยวจากกลุ่มร้านค้าอื่น ๆ
เราทำใจว่าเราต้องทำงานหนักกว่าที่จะเป็นที่รู้จัก แต่ในขณะเดียวกันเราก็คิดว่าการมี Outdoor Seating and Parking น่าจะมีส่วนช่วยเราไม่มากก็น้อย
สมัยก่อนนั้นตรงโซนที่เราอยู่มีแต่ร้านพิซซ่าและกะลา แต่หลังจากที่กะลาเปิดก็มีบาร์วีแกนและร้านพาสต้ามาเปิดเพิ่มตามกันมา จนในที่สุดตอนนี้มันก็เป็นอีกโซนหนึ่งของ West End ที่ชนชาว Westender สามารถมีตัวเลือกอาหารที่หลากหลายมากขึ้น
เรามีความภูมิใจเล็ก ๆ ว่า กะลาเป็นส่วนหนึ่งที่ปลุกปั้นพื้นที่รอบๆ ให้มีชีวิตชีวาขึ้นมา
6.เคล็ดลับเอาชนะใจคนในพื้นที่นี้
ถ้าอาหารไม่อร่อย ร้านอาหารก็ไปไม่รอด เหมือนกับทุกธุรกิจที่ต้องให้ความสำคัญกับ Product ก่อน อาหารของกะลาไม่ได้ขายความเป็นไทยจ๋า แต่เป็นรสชาติที่ลงตัวที่คนทุกเพศทุกวัยสามารถมีเมนูที่ตัวเองโปรดปรานได้
อาหารของกะลาเกิดจากการสั่งสมประสบการณ์ของพี่ต้นในออสเตรเลีย ประกอบกับรสชาติอาหารที่อยู่ในความทรงจำตอนเด็ก ๆ อาหารทุกจานในร้านเป็นรสชาติที่เราชอบทาน ไม่จัดจ้านแต่กลมกล่อม
เราให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นครอบครัวด้วย เพราะฉะนั้นที่กะลาจะมีเมนูที่เด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุทานได้ และดีต่อสุขภาพ
รวมทั้งคนที่เป็น Vegetarian และ Vegan ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มลูกค้าที่เราให้ความสำคัญมาก โปรตีนสำคัญของลูกค้ากลุ่มนี้คือ เต้าหู้ เต้าหู้ของกะลาเราตั้งใจทำให้มีความกรอบนอก นุ่มใน คนที่ไม่ชอบเต้าหู้แบบพี่ก็กินได้
อีกเรื่องหนึ่งคือเราทั้งคู่เป็นคนอีสาน เพราะฉะนั้นเราก็เลยอยากจะแนะนำอาหารของทางภาคอีสานให้ลูกค้าได้รู้จัก พี่จะบอกลูกค้าเลยว่าอาหารส่วนใหญ่ที่เราแนะนำ ให้กินกับข้าวเหนียว คือมีพื้นเพมาจากอาหารอีสานที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของเรา
พอเรามีที่มา มีเรื่องเล่า ลูกค้าก็พร้อมจะเปิดใจลองอะไรที่เค้าไม่เลยลอง อย่างเนื้อย่างเราเรียกว่า E-Saan Steak เสิร์ฟมากับน้ำจิ้มแจ่ม ใส่ข้าวคั่ว ก็เป็นหนึ่งใน Signature Dish ของกะลา และเป็นเมนูที่ต้องมานั่งกินในร้านเท่านั้น ไม่ขายเทคอะเว
เรื่องการบริการเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมาก ๆ ไม่แพ้เรื่องของอาหาร พี่และน้อง ๆ หน้าบ้านของกะลาต้อนรับลูกค้าทุกคนเหมือนเพื่อน เหมือนญาติ
จำชื่อลูกค้าได้ จำอาหารที่ลูกค้ากินได้ จำชื่อลูกของลูกค้าได้ จำได้แม้กระทั่งชื่อหมา 555 ลูกค้าประจำที่กะลาคือเยอะมาก
ทุกคนมาทานอาหารที่รสชาติเหมือน Home cooking และมากินอาหารที่ร้านโดยให้ความรู้สึกเหมือนมากินข้าวบ้านเพื่อน
7.คิดว่าอะไรคือความท้าทายที่สุดของการมีร้านอาหารอยู่ในย่าน West End
การแข่งขันของร้านอาหารใน West End คือความท้าทายมาก เราไม่ได้มีคู่แข่งแค่ร้านไทยด้วยกัน แต่มีเวียดนาม จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน และอื่น ๆ อีกมากมายเต็มไปหมด ถือว่าเป็นย่านที่เป็นแหล่งรวมของความต่างทางวัฒนธรรมที่ลงตัว
เป็นย่านที่น่าอยู่สำหรับคนชอบความหลากหลาย แต่สำหรับคนทำธุรกิจแล้วต้องตั้งใจ ต้องให้ใจกับธุรกิจตัวเอง โดยเฉพาะพี่กับพี่ต้น เริ่มต้นจากเงินลงทุนที่น้อยมาก ๆ
เราทำร้านขึ้นมาจากห้องสี่เหลี่ยมเปล่า ๆ ไม่มีอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นตอนแรกเราไม่มีงบประมาณสำหรับการโฆษณาเลย ผลลัพท์จาก Word of Mouth เท่านั้นที่ทำให้เราได้ลูกค้ามาในช่วงแรกๆ
8.เปิดมาแล้ว 5 ปี ทำยังไงที่ยังทำให้ชื่อร้าน Gala Thai ติดตลาดอยู่
ย้อนไปถึงธุรกิจเก่าของเราในตลาด ทำให้เราไม่ต้องทำคิดเรื่องโฆษณาใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะตลาดมีหน้าที่หาลูกค้ามาให้เรา เรามีหน้าที่ทำอาหาร ทำเมนุให้ดีที่สุด
พอมาเป็นร้านอาหารของตัวเองที่มาอยู่ในย่านที่มีการแข่งขันสูงมาก มันไม่ง่ายเลย ช่วงแรก ๆ พี่ก็ดูแล Social Media เองก็ไม่ได้ผลเท่าไหร่ เพราะเราไม่มีความชำนาญ ไม่มีเวลา พี่ตัดสินใจให้บริษัทแห่งหนึ่งมาดูแล ก็ดีขึ้นแต่ยังไม่ได้อย่างที่เราต้องการ
จนกระทั่งพี่มาเจอบริษัท Fox Junkie Digital ที่มาช่วยสื่อสารสิ่งที่กะลามีออกไปให้ลูกค้าเห็นในวงกว้างมากขึ้น
การมี Professional ในเรื่อง Marketing และ Social Media มาช่วยดูแล มันทำให้ Branding มันชัดเจนขึ้น ร้านยุ่งขึ้น และพี่ไม่ต้องเหนื่อยทำเรื่องที่พี่ไม่ถนัดเอง
พี่กะพี่ต้นยังมีเวลาดูแลขั้นตอนการผลิดทุกอย่างด้วยตัวเอง เรามีสูตร มี Portion Control เพราะฉะนั้นอาหารทุกจานถึงจะปรุงสด ๆ ก็จะมีรสชาติและปริมาณที่ใกล้เคียงกันมากที่สุด เราพยายามรักษามาตรฐานของเราให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้
อีกทั้งทุก ๆ เดือน พี่ต้นจะสร้างสรรค์เมนูพิเศษประจำแต่ละเดือนขึ้นมา เพื่อให้ลูกค้าของเราที่บางทีก็กินอาหารเรามาสามสี่ปีแล้วได้ลองเมนูใหม่ๆ
9.มองธุรกิจร้านอาหารในออสเตรเลียตอนนี้อย่างไร
หลังโควิดทุกเศรษฐกิจในออสเตรเลียกำลังฟื้นตัวค่ะ ประเทศเปิด คนเดินทางเข้าออสเตรเลียได้มากขึ้น อะไรที่เคยหยุดหรือชะงัก หรือล่าช้าไปช่วงสองปีที่ผ่านมาก็เริ่มเข้ามาสู่ความเป็นปกติ
ออสเตรเลียมีความ Diversity และการย้ายถิ่นฐานอยู่สูงค่ะ ยิ่งช่วงนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยิ่งเป็นส่วนผลักดันให้คนย้ายถิ่นฐาน รวมถึงนโยบายของรัฐบาลที่จะกระจายความเจริญไป Regional area ทำให้โอกาสใหม่ๆ มีอยู่ทั่วไปเต็มไปหมด
ร้านอาหารในออสเตรเลียไม่เคยหยุดนิ่ง มีอะไรใหม่ๆ มากมายเกิดขึ้นตลอดเวลา เจ้าของร้านอาหารก็ต้องไม่หยุดนิ่งเช่นกัน ต้องศึกษาหาความรู้ ทันโลก ทันเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไปทุกขณะ
10.อยากฝากอะไรถึงเจ้าของร้านรุ่นใหม่ ๆ หรือน้อง ๆ ที่มีความฝันอยากจะมีร้านอาหารในออสเตรเลียบ้าง
ความฝันเป็นสิ่งที่ดีและจำเป็นที่ทุกคนควรจะมี มันเป็นสิ่งผลักดันให้เราลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่อก้าวเข้าไปสู่ความฝันนั้นทีละนิด
ทุกก้าวย่างไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็จะทำให้เราก้าวเข้าใกล้ความฝันของเรามากขึ้น สถานการณ์ชีวิตของแต่ละชีวิตไม่อาจเปรียบเทียบกันได้ ถ้าเรากระโดดไม่ได้เราก็วิ่ง ถ้าวิ่งไม่ได้เราก็เดิน ถ้าเดินไม่ไหวก็คลานไป สำคัญว่าต้องทำ อย่าทิ้งมันลงกลางทาง
เอาใจช่วยทุกคนค่ะ ออสเตรเลียมีโอกาสสำหรับทุกคน แค่คุณทำงานก็ไม่อดตาย
พี่จิ๊บ พี่ต้น - Gala Thai
ติดตามร้าน Gala Thai ได้ที่
FB: www.facebook.com/galathaiwestend
IG: www.instagram.com/galathaiwestend
W: www.galathaiwestend.com.au
A: Shop 2/235 Boundary St, West End QLD 4101
บทความอื่น ๆ
สนใจถ่ายรูปอาหาร โปรดักส์สินค้า หรือทำการตลาด ติดต่อได้ที่
Facebook: www.facebook.com/TheNontouch
Instagram: www.instagram.com/the.nontouch
Email: thenontouch@gmail.com
Sydney, Melbourne, Brisbane, Gold Coast, Sunshine Coast, Adelaide, Canberra